เอนก ลั่น 7 ปี ไทย ส่งยานอวกาศ ไป โคจร ดวงจันทร์

เอนก ลั่น 7 ปี ไทย ส่งยานอวกาศ ไป โคจร ดวงจันทร์

ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้กล่าวว่า วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของไทยกำลังพุ่งทะยานไปข้างหน้า มีบริษัทที่สามารถผลิตได้แม้กระทั่งยุทโธปกรณ์อย่างรถถังและเรืออีกด้วย โดยรัฐบาลจะประกาศสร้างยานอวกาศไปดวงจันทร์ ในกลางเดือน ม.ค.ปีหน้า และจะบินโคจรรอบดวงจันทร์ในอีก 7 ปีข้างหน้า

ซึ่งหากประเทศไทยทำสำเร็จจะทำให้ประเทศไทยเป็นชาติที่ 5 ในทวีปเอเชีย 

ที่จะสามารถผลิตยานอวกาศและส่งไปโคจรรอบดวงจันทร์ได้ ถัดจากจีน อินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ และเพื่อให้บรรลุโครงการใน 7 ปี อาจมีการขอความร่วมมือและสนับสนุนจากประชาชนในการระดมทุน เพื่อเปลี่ยนแนวคิดว่า ประเทศไทยเป็นประเทศด้อยพัฒนา

นอกจากนี้นาย เอนก ยังได้พูดถึง ร “วัคซีนเพื่อคนไทย” เปิดรับบริจาคทุนวิจัย 500 บาท จากคนไทย 1 ล้านคน รวม 500 ล้านบาท เพื่อเร่งผลิตวัคซีนโควิด19 จากใบพืชเพื่อทดสอบในมนุษย์ได้ทัน ภายในเดือน มิ.ย. 64 และ เปิดตัว “ทีมไทยแลนด์” ร่วมลงนามความร่วมมือวิจัย พัฒนา และผลิตวัคซีนป้องกันโรคจากไวรัสโควิด19 ระหว่างองค์การเภสัชกรรม กับ บริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด

สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) เผยภาพ ฝนดาวตกเจมินิดส์ ที่ถ่ายได้ที่เหนืออ่างเก็บน้ำห้วยลาน ต.ออนใต้ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ เมื่อคืนวันที่ 13 ต่อเนื่องมารุ่งเช้า 14 ธ.ค. ผ่าน Facebook พร้อมทั้งระบุว่า นี่คือฝนดาวตก ครั้งสุดท้ายประจำปี 2563 และมีอัตราการตกเฉลี่ยสูงถึง 150 ดวง/ชั่วโมง

โดยข้อความของทาง NARIT ระบุว่า

“สดร. เผยภาพ “ฝนดาวตกเจมินิดส์” คืน 13 ถึงเช้า 14 ธันวาคม 2563

สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เผยภาพ “ฝนดาวตกเจมินิดส์” เหนืออ่างเก็บน้ำห้วยลาน ต.ออนใต้ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ คืนวันที่ 13 ถึงรุ่งเช้า 14 ธันวาคม 2563 บันทึกในช่วงเวลาประมาณ 21:00 – 02:30 น. นับเป็นฝนดาวตกส่งท้ายปีนี้ อัตราการตกเฉลี่ยสูงสุดเป็นไปตามคาด มากถึงประมาณ 150 ดวงต่อชั่วโมง สามารถสังเกตเห็นดาวตกที่เป็นลูกไฟ (Fireball) และดาวตกชนิดระเบิด(Bolide) เป็นแนวยาวพาดผ่านท้องฟ้า

“ฝนดาวตกเจมินิดส์” เกิดจากการที่โลกโคจรเข้าตัดกับสายธารเศษหินและฝุ่นของดาวเคราะห์น้อย 3200 เฟธอน (3200 Phaethon) ที่ทิ้งไว้ขณะเคลื่อนผ่านเข้ามาในระบบสุริยะชั้นใน เมื่อโลกโคจรผ่านเส้นทางดังกล่าว แรงดึงดูดของโลกจะดึงฝุ่นและหินเข้ามาเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศโลกเกิดเป็นลำแสงวาบ หรือบางครั้งเกิดเป็นลูกไฟขนาดใหญ่ (Fireball) มีศูนย์กลางการกระจายบริเวณกลุ่มดาวคนคู่ เกิดขึ้นในช่วงวันที่ 4 – 17 ธันวาคม ของทุกปี และจะมีอัตราการตกสูงสุดในช่วงวันที่ 13 – 14 ธันวาคม เฉลี่ยประมาณ 150 ดวงต่อชั่วโมง”

ฉางเอ๋อ-5 ลงจอดบนดวงจันทร์ ก่อนเร่งเก็บหินและดินกลับโลก

เมื่อวานนี้ (1 ธ.ค.) ยานอวกาศไร้คนขับ ฉางเอ๋อ-5 ของจีน ลงจอดบนดวงจันทร์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ยังไม่มีใครเคยสำรวจมาก่อน และจะทำภารกิจเก็บตัวอย่างหินและดินดวงจันทร์กลับมาที่โลก ภายใน 2 วัน

โดยการทำงานของฉางเอ๋อ-5 คือใช้แขนกลเจาะดินลึก 2 เมตร ภายในเวลา 48 ชม. เพื่อเก็บตัวอย่างดิน และนำก้อนหินหนัก 2 กิโลกรัม กลับมายังโลก และยานลำนี้มีแพลนแลนดิ้งบนดวงจันทร์ตามกำหนดเดิมคือวันที่ 27 พ.ย. แต่ก็ดีเลย์ไปไม่นานนัก

หากภารกิจนี้สำเร็จลุล่วง จะทำให้ประเทศจีน กลายเป็นประเทศที่สาม ถัดจาก สหรัฐอเมริกา (1969-1972) และสหภาพโซเวียต (1976) ที่นำตัวอย่างหินและดินดวงจันทร์กลับมายังโลก

ในลำดับถัดไป กลุ่มนักวิทยาศาสตร์จะทำการวิเคราะห์ลักษณะ โครงสร้าง และองค์ประกอบของสสารในหินและดินเหล่านั้น เพื่อเพิ่มองค์ความรู้เกี่ยวกับด้านล่างพื้นผิวดวงจันทร์ และสนามแม่เหล็กที่หายไปด้วย ทั้งนี้ จีนปฏิบัติภารกิจกับการสำรวจอวกาศมาตั้งแต่ปี 2007 แล้ว โดยส่งยานอวกาศไปแล้วทั้งหมด 4 ลำ ก่อนหน้านี้ ประกอบด้วย

กล้องดูดาว สัญญาณวิทยุ ขนาดยักษ์ ประจำหอดูดาวอาเรซีโบ  ประเทศเปอร์โตริโก ที่เคยเป็นที่ถ่ายทำภาพยนต์ เจมส์ บอร์น ได้ทำเกิดการถล่มลงในช่วงเช้ามืด วันที่ 1 ธ.ค. โดยไม่มีผู้บาดเจ็บแต่อย่างใด

เมื่อตอนกลางคืนของวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา ได้มีการถล่มของฐานอุปกรณ์ของ กล้องดูดาว สัญญาณวิทยุ ที่ตั้งอยู่บน หอดูดาวอาเรซีโบ ประเทศเปอร์โตริโก ซึ่งไม่มีผู้บาดเจ็บแต่อย่างใด โดยสถานที่นี้นอกจากความสำคัญทางด้านดาราศาสตร์แล้ว ยังเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์ เจมส์ บอร์น ในภาค Golden Eye อีกด้วย

โดย กล้องดูดาว ได้ตั้งอยู่ที่ประเทศเปอร์โตริโก ได้มีการถล่มลงของฐานอุปกรณ์หนักกว่า 900 ตัน ที่ตั้งอยู่บนความสูง 500 ฟุต ข้างบนจานสัญญาณ ซึ่งมีสาเหตุมาจากสายเคเบิลที่สนับสนุนนั้นได้ขาดลง ทั้งนี้ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด อ้างอิงจากคำกล่าวของ NSF มูลนิธิที่ทำการดูแลสถานที่ดังกล่าว

ซึ่งทางหอดูดาวอาเรซีโบ ได้มีแผนจะปิดตัวลงในช่วงเดือนที่ผ่านมา เนื่องด้วยความกังวลถึงการผังลงของอุปกรณ์ โดยหนึ่งในสายเคเบิลได้เคยมีความเสียหายไปแล้วก่อนหน้านี้ นอกจากนี้แล้วทาง NSF ยังได้มีแผนในการจะปลกระวางตัวกล้องดังกล่าวไว้อยู่แล้วเช่นกัน

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป